Monday, August 29, 2011

เรื่องเล่าจากร้านยาเล็กๆ

วันนี้เมื่อ 6 ปี ที่แล้ว เภสัชกรเพิ่งจบ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานได้แค่ปีครึ่ง ต้องมาเปิดร้านเป็นของตัวเอง ยังจำความรู้สึกได้ดีถึงชีวิตผู้แทนยาที่สุดแสนจะอิสระ ต้องมารับภาระร้านขายยาที่ใครๆ บอกว่าเหมือนกับติดคุก นั่งคิดนอนคิดทุกวัน ว่าตัดสินใจถูกหรือไม่ วันที่เปิดร้านวันแรก คิดอยู่ประโยคเดียว

ถ้าต้องอยู่ร้านแบบนี้จนถึงอายุ 60 ก็คิดก็สยองแล้วอ่ะ "

ไม่น่าเชื่อเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เราอยู่ร้านนี้มาถึง 6 ปี แล้วหรือนี่?! เราก็ยังอยู่ที่เดิม มีความสุขกับร้านของเรา ไม่รู้จะเรียกประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ร้านนี้ก็เป็นรายได้หลักของเราเพียงอย่างเดียว

วันนี้ถือโอกาสดี ขอแชร์ประสบการณ์ร้านยาเล็กๆ ให้เพื่อนๆ น้องๆ ที่กำลังทำ หรือสนใจอยากจะทำธุรกิจนี้นะค่ะ



ร้านขายยาก็เหมือนลูก ใครจะเลี้ยงลูกเราได้ดีกว่าตัวเรา จริงไหมค่ะ? การดูแลเอาใจใส่ร้านเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการบริหาร stock , การดูแลลูกค้า , การจัดทำโปรโมชั่น อีกสารพัดมากมาย อีกอย่างประหยัดค่าจ้างเภสัชกรได้อีกด้วย

เมื่อเรามีลูกแล้ว การที่ต้องอยู่กับลูกทุกวันๆ ทำให้เกิด การเบื่อ!!  ทำไมชั้นไม่ได้ไปเที่ยวบ้างหล่ะ ทำไมชีวิตมันเหมือนเดิมทุกวันๆ เลย เรื่องนี้เชื่อว่าทุกคนเคยเป็น วิธีการแก้ไข คือ ลองคิดดูดีดี ว่าเราเบื่ออะไร? 
สมมติว่าเราเบื่อการใช้ชีวิตที่เหมือนเดิมทุกวัน ไม่เคยได้ไปไหน ลองหาวันที่ขายไม่ค่อยดี หยุดร้านดูบ้าง บางคนบ่นเสียดายรายได้ แต่เรื่องนี้เราต้องตัดใจ เพื่อจะได้ยืดอายุการทำงานของเราออกไป

เรื่องการบริหารเงิน ว้าว!! ขอออกตัวก่อนว่าไม่ได้จบ MBA จากที่ไหน แต่แชร์จากประสบการณ์ค่ะ หลายธุรกิจเจ๊งง่ายๆ จากกการบริหารเงินไม่เป็น เอาเงินในระบบไปใช้ข้างนอกจนเกิดการหมุนเงินในร้านไม่ทัน วิธีง่ายๆ อย่าเอากำไรมาใช้ ให้ตั้งเงินเดือนตัวเองแล้วใช้เฉพาะเงินเดือนให้พอ อย่าให้บัญชีของร้านกับบัญชีส่วนตัวมาปนกัน เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น เกิดจากเราขายของได้มากขึ้น ซึ่งต้องนำเงินไปซื้อของมา stock มากขึ้น ตอนนี้สต๊อกของในร้านเพิ่มจาก 6 ปีที่แล้วถึง 3 เท่า! (ยกเว้นคุณจะเป็นยอดมนุษย์เงินหมุน อันนี้ก้แล้วแต่ค่ะ)

สั่งยาอะไร ยังไงบ้าง? การเปิดร้านยาเริ่มเราจะสั่งของจากยี่ปั๊ว ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องสั่งอะไรบ้าง เพราะเดี๋ยวนี้เขามี list รายชื่อยาสำหรับเริ่มต้นร้านอยู่แล้ว จากนั้นดูว่าลูกค้าของเราถามหายาอะไรเราค่อยทยอยสั่งเพิ่ม (ยกเว้นคุณจะมียอดทุนมหาศาล เปิดร้านครั้งแรกจัดยาเต็มร้านไปเลยก็ไม่มีใครว่าค่ะ) 

ข้อดีของการสั่งกับยี่ปั๊ว คือ ไม่ต้องสั่งจำนวนเยอะ ราคาบางอย่างถูกกว่าบริษัท ข้อเสีย คือ เปลี่ยนยา/คืนยา ค่อนข้างลำบากค่ะ ไม่มีโปรโมชั่น ต้องจ่ายเงินสด
ข้อดีของการสั่งยากับบริษัทโดยตรง คือ เปลี่ยนยา/คืนยาได้ จ่ายเครดิต 30 - 120 วัน ข้อเสีย คือ ต้องสั่งจำนวนเยอะถึงจะได้ราคาถูก 
สุดท้ายปัญหาที่หนักอกหนักใจเหลือเกิน สงครามราคา ตอนนี้การแข่งขันค่อนข้างสูง ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องราคาเป็นเรื่องที่ลูกค้าหวั่นไหวมากๆ วันแรกที่เปิดร้านราคายาดมต่างกัน 2 บาท!  ก็ยังมีคนเลือกที่จะเดินไปซื้อร้านอื่นมากกว่า สิ่งเดียวที่เราจะพอสู้กับร้านยายักษ์ใหญ่ได้ คือ จุดแข็งจุดเดียวที่เรามี คือ การบริการทางเภสัชกรรม ถ้าเราใส่ใจลูกค้า จัดยาให้เขาหาย บริการลูกค้าดี แม้แพงกว่านิดหน่อย ลูกค้าก็ยอมจ่ายนะ เรายังกิน กาแฟสตาร์บัคส์ เลยนิแพงกว่าตั้งเยอะ!!

เรื่องเล่าจากร้านยาเล็กๆ ลองผิดลองถูกกันไปเรื่อย ประสบการณ์ยังน้อย หากยังขายถึงอายุ 60 เรื่องเล่านี้อาจเปลี่ยนไปตามประสบการณ์

Wednesday, August 10, 2011

เรียงความเรื่อง "แม่ของฉัน"

แม่ของฉัน...การศึกษาไม่สูง แต่บอกลูกว่า สมบัติติดตัวที่แม่จะให้ได้ คือ ความรู้ และการศึกษา

แม่ของฉัน...ไม่เกิดมามีฐานะร่ำรวย แต่ก็สร้างฐานะ เลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัวมาได้

แม่ของฉัน...เป็นคนเข้มแข็งไม่เคยร้องไห้ให้ลูกเห็น แต่พอรู้ว่าลูกโตแล้วใช้คำพูดหรือกำลังบังคับไม่ได้ แม่จึงหันมาใช้น้ำตาแทน

แม่ของฉัน...ทำกับข้าวอร่อย เวลาไปกินข้าวข้างนอกต้องห้ามชมว่าอะไรอร่อย ไม่งั้นจะได้กินเมนูนั้นไป 3 วัน เพราะแม่ต้องทำให้อร่อยเหมือนเขาให้ได้

แม่ของฉัน...ชอบบอกให้เชื่อแม่ทั้งที่บางทีก็หาเหตุผลมาบอกไม่ได้ว่าทำไมต้องเชื่อ แต่ทุกครั้งที่ไม่เชื่อก็เกิดปัญหาตลอด

แม่ของฉัน...ไม่ต้องจบปริญญาสักใบ แต่หาเงินได้มากกว่าลูก 3 คน ปริญญาตรี 3 ใบ รวมกัน

แม่ของฉัน...เป็นคนมองการณ์ไกล มีคนบอกว่าแม่บ้าหรือเปล่าที่มาเปิดร้านยาในโบ๊เบ๊ มีแต่คนขายเสื้อผ้า วันนี้เขาคนนั้นคงรู้จักคำว่า "นิช มาร์เก็ต" แล้วนะ

แม่ของฉัน...เป็นคนที่ทำให้ฉันมีวันนี้ 

Sunday, August 7, 2011

ก็เราชอบคนที่หน้าตา

"เราดูคนที่หน้าตา"

จะมีซักกี่คนที่กล้าพูดตรงๆ แบบนี้ ทั้งที่จริงๆ แล้ว...สิ่งที่ดึงดูดให้เราสนใจได้ อยากเข้าไปทำความรู้จัก เรื่องหน้าตาก็ต้องมาก่อนเป็นอันดับต้นๆ ส่วนจะดีไม่ดี เข้ากันได้ไม่ได้ก็ค่อยว่ากันไป

สินค้าก็เหมือนกัน การทำหน้าตาสินค้าให้ดูน่าใช้ ทันสมัย หรือทำหีบห่อให้เข้ากับตัวสินค้า ก็สามารถเพิ่มมูลค่า เพิ่มแรงดึงดูดให้คนเข้ามาจับต้องสินค้าแล้วถามว่า "นี่...อะไรอ๊ะ?" ได้ไม่ยาก

ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศหนึ่งที่เก่งในเรื่องนี้มากๆ ขนมธรรมดาธรรมดานี่แหละ แต่ห่อมาแบบ...แถบไม่กล้าแกะออกมา แล้วก็วางขึ้นหิ้งจนมันหมดอายุไป หรือยกตัวอย่างที่ใกล้ตัวมาหน่อย สินค้า OTOP ที่ห้างพารากอน เห็นแล้วต้องร้อง "โอ้ว! แม่เจ้า" กล้วยทอดแม่กิมไล้ขายอยู่ 35 บาท พอเปลี่ยนมาเป็น "Crispy banana" น้องกล้วยก็อัพค่าตัวขึ้นไปเป็น 85 บาทได้แบบสบาย...สบาย

วงการยาก็หนีไม่พ้นเช่นกัน หลายบริษัทที่ปรับตัวทันก็เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้ดูทันสมัย สะอาด ดูเป็นมืออาชีพ แต่ก็ยังมีอีกมากที่ยังคงความเชยแสนเฉยเอาไว้ยิ่งกว่าเกลือรักษาความเค็ม ระวังจะตามคู่แข่งไม่ทันน้าา เรามาดูตัวอย่างกันเล่นๆ ดีกว่า....



มีใครตอบได้บ้างว่าเป็นอะไร? เฉลยกันเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลาปลูกผักกันนะ คำตอบ คือ "ยาสีฟันผงสมุนไพร" หรือที่เรา (อาจต้องสูงวัยหน่อย) รู้จักกันดีในชื่อของ "วิเศษนิยม" แต่ยาสีฟันยี่ห้อในตัวอย่างได้พลิกรูปแบบ ปรับโฉมกันจนลุงๆ ป้าๆ งงกันไปเลยทีเดียว

นี่เป็นตัวอย่างบางส่วนที่นำมาให้ดู ซึ่งสมัยนี้สินค้าบ้านเราพัฒนาไปเยอะมาก หากนำของพื้นบ้าน สมุนไพรไทย ของดีมีประโยชน์ทั้งนั้น เอามาจับแต่งตัวซะใหม่ รับรองไปได้อีกไกลทีเดียว

"ก็เราชอบคนที่หน้าตา"